สมาร์ทโฮมกระแสของการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ

“บ้านอัจฉริยะ” (Smart Home) หรือ กระแสของการนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานภายในบ้าน

ด้วยการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (The Internet of Things) มาประยุกต์ใช้โดยเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ โดยผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุม (Control) อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เคลื่อนที่ ทำให้ได้รับความสะดวกสบาย (Convenience) แถมยังช่วยประหยัด (Savings) ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมไปถึงความปลอดภัย (Safety) ที่เพิ่มมากขึ้น จากการมีระบบอัตโนมัติต่างๆ มาเป็น “ผู้ช่วย” ภายในบ้าน เช่น ตรวจจับผู้บุกรุกบ้าน ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมภายในบ้าน ไปจนถึง วัดค่าแก๊สในอากาศจากเซ็นเซอร์เพื่อป้องกันการรั่วไหล เป็นต้น นอกจากนี้ อุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่เริ่มมีให้เลือกมากขึ้นในตลาด ทำให้ราคามีโอกาสลดลง และเป็นที่ต้องการในระยะยาว

ในรายงาน Smart home, Seamless life – Unlocking a culture of convenience ของ PwC ที่อ้างอิงการคาดการณ์ของ Gartner Research ว่าในปี 2563 จะมีอุปกรณ์ประเภทไอโอทีสูงถึง 2.08 หมื่นล้านชิ้น ขณะที่ IDC ก็คาดว่ามูลค่าตลาดไอโอทีทั่วโลกจะแตะ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์1เช่นกัน การคาดการณ์เหล่านี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและโอกาสในการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฮม

รายงานของ PwC ได้ทำการสำรวจผู้บริโภคจำนวน 1,000 รายที่มีอายุระหว่าง 18-64 ปี โดยระบุว่า แม้ว่าการนำคอนเซ็ปส์ของเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมมาใช้ในหมู่ผู้บริโภคจะเติบโตอย่างช้าๆ ในช่วงที่ผ่านมา และเป็นไปในลักษณะของการเลือกใช้อุปกรณ์เป็นรายชิ้นมากกว่าการใช้โซลูชันส์เชื่อมต่ออุปกรณ์ทั่วทั้งครัวเรือน แต่ “ประตูของตลาดสมาร์ทโฮม ยังคงเปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการ เพราะเมื่อผู้บริโภคมีความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีมากขึ้นก็จะกลายเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมในที่สุด” โดยพบว่า 65% ของผู้บริโภคที่ทำการสำรวจตื่นเต้นกับอนาคตของเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม ที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตของคนในอนาคต

“อายุ” ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข

“อายุ” ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฮม เพราะจากการศึกษาของ PwC พบว่า ในขณะที่ผู้บริโภค “กลุ่มมิลเลนเนียล” (กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปี) ให้การตอบรับกับเทคโนโลยีนี้เป็นอย่างดี แต่มิลเลนเนียลส่วนใหญ่ยังคงเป็นเพียงแค่กลุ่มที่พิจารณาจะใช้ (Considerers) โดยไม่มีกำลังซื้อมากพอในเวลานี้ แม้จะมีความต้องการที่จะซื้อบ้านเป็นของตัวเองในอนาคตก็ตาม ทั้งนี้ กลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฮมในปัจจุบัน (Current users) พบว่า เป็นผู้บริโภค “กลุ่มวัยกลางคน” (กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 49 ปี) เป็นเพศชาย ส่วนใหญ่แต่งงานและมีบุตร มีรายได้สูง ชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี และไม่มีเวลาในการจัดการดูแลบ้าน สำหรับกลุ่มที่ปฏิเสธการใช้สมาร์ทโฮม (Rejectors) ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 50 ถึง 64 ปีขึ้นไป เป็นเพศหญิง ไม่มีเด็กในบ้าน มีความลังเลที่จะใช้เทคโนโลยี หรือมีรายได้ต่ำ และมีเวลาในการดูแลบ้านด้วยตนเอง ขณะที่กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มที่ยอมรับสมาร์ทโฮม (Acceptors) โดยมองว่า เป็นเทคโนโลยีที่มีความจำเป็นแต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้มาก โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นเพศหญิงและมีอายุระหว่าง 50 ถึง 64 ปีขึ้นไปเช่นกัน โดยจะซื้อเทคโนโลยีก็ต่อเมื่อราคาน่าสนใจ และช่วยประหยัดบิลค่าไฟจริงๆ เท่านั้น

“ราคา” โจทย์สำคัญของตลาดสมาร์ทโฮม

รายงานฉบับข้างต้นของ PwC ยังระบุไว้ชัดว่า ปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมนั้น ไม่ได้อยู่ที่ ความปลอดภัย หรือ ความเป็นส่วนตัว แต่อยู่ที่ราคา โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่ไม่เคยใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฮม (Non-users) ถึง 42% บอกว่าราคาเป็นปัจจัยหลัก

ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคกว่าครึ่ง (52%) บอกว่า หากผู้ประกอบการมีการให้ซื้อสินค้าประเภทนี้แบบแบ่งจ่ายก็มีความสนใจที่จะซื้ออุปกรณ์สมาร์ทโฮมมากขึ้น